วิจัยฮาร์วาร์ด เผย เด็กที่เกิดใน "ฤดูกาลทอง" ช่วง 4 เดือนนี้ มักมี IQ สูงกว่าเพื่อน
วิจัยฮาร์วาร์ด เผย! เด็กที่เกิด 4 เดือนนี้ มักมี IQ สูง โตขึ้นไม่เป็นมังกรก็เป็นหงส์
ผู้ปกครองหลายท่านอาจคิดว่าคำกล่าวที่ว่า “เดือนเกิดมีผลต่อระดับ IQ ของเด็ก” เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง แต่ผลสรุปนี้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งได้มาจากการวิจัยและสังเกตการณ์นานถึง 7 ปี โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
งานวิจัยนี้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อมูลสถิติและการวิเคราะห์อย่างละเอียดแสดงให้เห็นว่า เดือนเกิด สามารถสร้างความแตกต่างเล็กน้อยแต่มีความสำคัญต่อพัฒนาการทางสติปัญญาและร่างกายของเด็กได้จริง
การศึกษาของฮาร์วาร์ดได้ติดตามทารกแรกเกิดมากกว่า 10,000 คน โดยบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น ระดับ IQ น้ำหนัก ส่วนสูง รวมถึงความเร็วในการพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวในช่วงปีแรกๆ ของชีวิต
เด็กเกิดเดือนกันยายนถึงธันวาคม มี IQ สูง กว่า
ผลการวิจัยที่น่าสนใจคือ เด็กที่เกิดในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม ซึ่งตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว มักมีระดับ IQ สูงกว่าค่าเฉลี่ย 0 ถึง 6 คะแนน เมื่อเทียบกับเด็กที่เกิดในช่วงเดือนอื่นๆ
นอกจากนี้ เด็กที่เกิดในช่วงเวลานี้ยังมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยสูงกว่า 210 กรัม และมีส่วนสูงมากกว่าประมาณ 0.19 เซนติเมตร แม้ความแตกต่างนี้อาจไม่มากนัก แต่ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบ “จากจุดเริ่มต้น” ในกระบวนการพัฒนาการในภายหลัง

ผู้เชี่ยวชาญจากฮาร์วาร์ดชี้ให้เห็นว่า มีอย่างน้อยสี่ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดข้อได้เปรียบสำหรับเด็กที่เกิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว:
1. ตัวอ่อนเจริญเติบโตได้ดีกว่า
เด็กที่เกิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวมักถูกปฏิสนธิในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาหารมีความหลากหลาย อุดมสมบูรณ์ และมีแสงแดดมาก นี่คือสภาวะที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาของตัวอ่อน โดยเฉพาะระบบประสาท วิตามินดี จากแสงแดดมีบทบาทสำคัญในการสร้างเส้นประสาทในสมอง เมื่อรวมกับสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์จากอาหาร เด็กจึงมีโอกาสพัฒนาสมองได้อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ในครรภ์มารดา
2. มีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งกว่า
ข้อได้เปรียบอีกประการที่งานวิจัยชี้คือ เด็กที่เกิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวมักมีภูมิต้านทานที่ดีกว่า เนื่องจากเด็กที่เกิดในฤดูหนาวจะคุ้นเคยกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูก "ฝึกฝน" ตั้งแต่แรกเริ่ม สิ่งนี้ช่วยให้เด็กมีสุขภาพพื้นฐานที่มั่นคง ป่วยน้อยลง และสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการพัฒนาการของร่างกายและสติปัญญาอย่างเต็มที่
3. พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวเร็วกว่า
พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวที่สำคัญ เช่น การพลิกตัว การคลาน หรือการเดิน มักเริ่มต้นเมื่ออายุประมาณ 3 เดือนขึ้นไป หากเด็กเกิดในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน ช่วงสำคัญนี้จะไปตรงกับฤดูหนาวที่อากาศเย็น ซึ่งเด็กอาจต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้นทำให้การเคลื่อนไหวถูกจำกัดและพัฒนาการช้าลง ในทางกลับกัน เด็กที่เกิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวจะผ่านช่วงสำคัญเหล่านี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่น ทำให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นการพัฒนาสมองและประสาทสัมผัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ได้เปรียบเมื่อเข้าโรงเรียน
ปัจจัยสุดท้ายคือ ความได้เปรียบเมื่อเด็กก้าวเข้าสู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เด็กที่เกิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวมักจะมีอายุมากกว่าเพื่อนร่วมชั้น 2-3 เดือน ทำให้ร่างกายและสติปัญญาพัฒนาได้เต็มที่มากกว่า ความแตกต่างนี้ช่วยให้เด็กปรับตัวได้ง่าย เรียนรู้ได้เร็ว และมีความมั่นใจในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการสร้างรากฐานที่ดีสำหรับการเรียนในปีต่อๆ ไป

การดูแลและสิ่งแวดล้อมสำคัญที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังเน้นย้ำว่า ข้อได้เปรียบจากเดือนเกิดไม่ได้หมายความว่าเด็กที่เกิดในฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนจะด้อยกว่าหรือขาดศักยภาพ เด็กทุกคนจำเป็นต้องได้รับการดูแล การศึกษา และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา หากขาดความเอาใจใส่ ข้อได้เปรียบที่มีมาแต่กำเนิดก็จะลดลง ในทางกลับกัน หากได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกวิธี เด็กที่เกิดในฤดูใดก็ตามก็สามารถเติบโตเป็นเลิศและพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่
โดยสรุป การวิจัยของฮาร์วาร์ดชี้ให้เห็นว่าเดือนเกิดอาจให้ข้อได้เปรียบเล็กน้อย แต่พัฒนาการที่ครอบคลุมของเด็กนั้นขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ โภชนาการ การศึกษา และความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวอย่างมาก ไม่ว่าจะเกิดใน “ฤดูกาลทอง” หรือไม่ เพียงแค่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เด็กทุกคนก็สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ยอดเยี่ยมและบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเองได้