พืชมหัศจรรย์ "น้ำสีเลือด" เสริมภูมิคุ้มกัน ลดความดันโลหิต ลดเสี่ยงสมองเสื่อม
พืชมหัศจรรย์ "น้ำสีเลือด" เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงการไหลเวียนเลือด ลดความดันโลหิต ลดเสี่ยงสมองเสื่อม
บีทรูท (Beetroot) ผักหัวสีแดงเข้มที่หลายคนรู้จักกันดี ไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ยังมีคุณสมบัติเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ส่งผลดีต่อสุขภาพหลายด้าน โดยเฉพาะสรรพคุณในการช่วยลดความดันโลหิตสูงตามธรรมชาติ
ช่วยลดความดันโลหิตสูง
คุณสมบัติเด่นที่สุดของบีทรูทคือมีสารไนเตรต (Nitrate) ตามธรรมชาติในปริมาณสูง เมื่อเราบริโภคเข้าไป ร่างกายจะเปลี่ยนสารนี้เป็นไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดและทำให้หลอดเลือดคลายตัว
เมื่อหลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนของเลือดจึงสะดวกขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตทั้งค่าตัวบนและตัวล่างลดลงโดยอัตโนมัติ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ในสหราชอาณาจักรพบว่า การดื่มน้ำบีทรูทสดเป็นประจำสามารถช่วยควบคุมความดันโลหิตได้
เสริมพลังงาน เพิ่มสมรรถภาพการออกกำลังกาย
ไนตริกออกไซด์ที่ได้จากบีทรูท ไม่เพียงดีต่อหลอดเลือด แต่ยังช่วยเพิ่มการส่งออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายมีความทนทาน (Stamina) มากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นและลดอาการเหนื่อยล้า
อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
สีแดงเข้มของบีทรูทมาจากสาร "บีทาเลน" (Betalains) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง สารนี้ช่วยปกป้องเซลล์จากการเสื่อมสภาพ ลดการอักเสบในร่างกาย และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ หรือมะเร็งบางชนิด

ประโยชน์ต่อสุขภาพด้านอื่นๆ
นอกจากคุณสมบัติเด่นที่กล่าวมา บีทรูทยังมีประโยชน์ต่อระบบอื่นๆ ของร่างกาย ดังนี้:
- ส่งเสริมการทำงานของตับ: สารบีทาเลนช่วยสนับสนุนตับในกระบวนการล้างสารพิษออกจากร่างกาย
- บำรุงสมอง: การไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้นจากไนตริกออกไซด์ ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง และอาจลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อม
- ดีต่อระบบย่อยอาหาร: บีทรูทมีใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ป้องกันอาการท้องผูก
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: อุดมไปด้วยวิตามิน C และแร่ธาตุจำเป็น ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
- ควบคุมน้ำหนัก: บีทรูทมีแคลอรีต่ำและมีไฟเบอร์สูง ทำให้อิ่มนาน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมอาหาร
วิธีดื่มน้ำบีทรูทเพื่อสุขภาพ
สำหรับการบริโภคเพื่อช่วยควบคุมความดันโลหิต การศึกษาแนะนำให้ดื่มน้ำบีทรูทคั้นสดประมาณ 200-250 มิลลิลิตรต่อวัน ซึ่งสามารถเตรียมได้ง่ายๆ โดยนำบีทรูทสด 2-3 หัว มาล้าง ปอกเปลือก และปั่นผสมกับน้ำเล็กน้อย กรองกากออกหากต้องการดื่มง่าย
การดื่มอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าการดื่มเป็นครั้งคราว โดยเวลาที่แนะนำคือช่วงเช้าตอนท้องว่าง
ข้อควรระวังในการบริโภคบีทรูท
แม้จะมีประโยชน์มาก แต่บีทรูทก็มีข้อควรพิจารณา บีทรูทอุดมไปด้วยสาร "ออกซาเลต" (Oxalates) ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงการก่อตัวของนิ่วในไตสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว
นอกจากนี้ การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายท้องหรือท้องอืดได้ เนื่องจากมีใยอาหารและน้ำตาลธรรมชาติสูง และอาจทำให้ปัสสาวะหรืออุจจาระมีสีแดง ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่อันตรายต่อร่างกาย
สรุป
บีทรูทเป็นผักที่มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งช่วยสนับสนุนสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มพลังงาน และช่วยในการล้างสารพิษ การรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยให้บีทรูทเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการดูแลสุขภาพระยะยาว