หมอกางผลทดลอง “กะหล่ำ” ป้องกันมะเร็ง-ลดความดันโลหิต ดีเทียบเท่ากินยา จริงหรือ?!
แพทย์เผยประโยชน์ของ "กะหล่ำ" ป้องกันมะเร็ง แถมยังช่วยลดความดันโลหิต ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ!
ผักในกลุ่มกะหล่ำปลี (Cruciferous vegetables) เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของคุณสมบัติป้องกันมะเร็ง แต่การศึกษาล่าสุดจากออสเตรเลียพบว่า ผักเหล่านี้ยังมีประโยชน์ที่สำคัญต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โดยสามารถลดความดันโลหิตได้ดีมากกว่าผักประเภทหัวรากและผลไม้ โดยเฉพาะเมื่อรับประทานในช่วงกลางวัน จะเห็นผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ดร.จาง ซื่อเฮิง (張適恆) แพทย์ฉุกเฉินชาวไต้หวัน อธิบายว่า การศึกษานี้ทำลองกับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีอายุเฉลี่ย 68 ปี และความดันโลหิตซิสโตลิก (ค่าความดันสูงสุด) อยู่ในช่วง 120-160 มิลลิเมตรปรอท ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับการแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งดื่มซุปจากผักกลุ่มกะหล่ำปลี (Cruciferous vegetables) ทุกวัน ส่วนกลุ่มที่สองดื่มซุปจากผักหัวรากและผลไม้
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่ดื่มซุปจากผักกะหล่ำปลี มีความดันโลหิตซิสโตลิกลดลงเฉลี่ย 2.5 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งมากกว่ากลุ่มที่ดื่มซุปผักหัวรากและผลไม้ และหากรับประทานในช่วงกลางวัน การลดความดันจะเพิ่มขึ้นถึง 3.6 มิลลิเมตรปรอท ดร.จางเน้นว่า แม้การลดลงของค่าความดันอาจดูเหมือนไม่มาก แต่หากเปรียบเทียบกับผลของการใช้ยา การลดความดันจากผักกะหล่ำถือว่ามีประสิทธิภาพที่น่าพอใจ
ดร.จาง ยังกล่าวเสริมว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมักใช้ยาลดความดันเพื่อทำให้ค่าความดันซิสโตลิกลดลงประมาณ 10 มิลลิเมตรปรอท แต่การบริโภคผักกะหล่ำปลีในชีวิตประจำวันสามารถเป็นทางเลือกในการปรับปรุงความดันโลหิตโดยไม่ต้องพึ่งยา ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผักหัวรากและผลไม้ที่มีแร่ธาตุที่ช่วยลดความดัน เช่น โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ผักกะหล่ำปลีแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่นมากกว่า
ดังนั้น คุณหมอแนะนำว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรเพิ่มผักในกลุ่มกะหล่ำปลี เช่น บร็อคโคลี (Green broccoli), กะหล่ำปลีขาว (Cauliflower), กะหล่ำปลีหัวใหญ่ (Cabbage) และคะน้า (Kale) ในอาหารประจำวัน โดยเฉพาะการทานในช่วงกลางวัน ซึ่งอาจช่วยในการควบคุมความดันโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถปรับสัดส่วนของส่วนผสมในซุปตามความต้องการส่วนตัว เพื่อความสะดวกในการรับประทานต่อเนื่องได้อีกด้วย