เนื้อหาในหมวด ข่าว

4 พฤติกรรมการ \

4 พฤติกรรมการ "ดื่มน้ำ" ที่ทำลายไต พอๆ กับดื่มแอลกอฮอล์ แต่หลายคนยังทำอยู่

การดื่มน้ำแบบนี้อันตรายต่อสุขภาพ ทำลายไต และส่งผลเสียต่อสุขภาพ ไม่ต่างจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่หลายคนยังทำอยู่

มีคำกล่าวว่า "การดื่มน้ำคือก้าวแรกของการดูแลสุขภาพ" ซึ่งเป็นความจริง เพราะการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันช่วยรักษาสมดุลของระบบเผาผลาญ และเสริมสร้างการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพกายและใจ

อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากคุณละเลยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการดื่มน้ำ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะ 4 พฤติกรรมการดื่มน้ำที่อาจทำลายสุขภาพของคุณไม่ต่างจากการดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้โดยเร็วที่สุด

1. ดื่มน้ำเกลือเจือจางหลังตื่นนอน

“ดื่มน้ำเกลือเจือจางตอนเช้า” เป็นเคล็ดลับดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะหลายคนเชื่อว่าหลังตื่นนอน หลอดเลือดและอวัยวะภายในยังไม่ตื่นตัวดีนัก จึงควรดื่มน้ำที่มีเกลือแร่เพื่อกระตุ้นกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยให้ร่างกายสดชื่นพร้อมรับวันใหม่

แต่ความจริงแล้ว ไอออนโซเดียมในน้ำเกลืออาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีสุขภาพหลอดเลือดไม่แข็งแรง หลังตื่นนอนเป็นช่วงที่เลือดมีความหนืดสูงที่สุด หากได้รับโซเดียมในปริมาณมาก อาจทำให้ความดันโลหิตพุ่งสูงจนควบคุมไม่ได้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองอย่างรุนแรง

2. ดื่มน้ำเร็วเกินไป

หลายคนไม่มีนิสัยดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ มักจะรอจนรู้สึกกระหายน้ำหรือปากแห้งจัดแล้วค่อยดื่ม เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขามักจะรีบดื่มน้ำรวดเดียวหลายอึกจนรู้สึกจุก

มีคำกล่าวว่า “มากเกินไปก็ไม่ดีเท่าน้อยเกินไป” ซึ่งใช้ได้กับการดื่มน้ำเช่นกัน การดื่มน้ำปริมาณมากในเวลาสั้นๆ ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยแก้ปัญหาการขาดน้ำของเซลล์ แต่ยังทำให้ร่างกายเสียสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ส่งผลต่อความเข้มข้นของเลือด และอาจรบกวนระบบไหลเวียนโลหิตและการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการจิบน้ำอย่างช้าๆ และเป็นระยะตลอดทั้งวัน

3. ดื่มแต่น้ำร้อนเท่านั้น

“การดื่มน้ำอุ่นให้มาก” เป็นเคล็ดลับดูแลสุขภาพที่หลายคนยึดถือ แต่สิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจกับอุณหภูมิของน้ำ เพราะการดื่มน้ำที่ร้อนเกินไปเป็นประจำอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวผิดปกติ ซึ่งส่งผลเสียต่อความคงที่ของความดันโลหิต

นอกจากนี้ การดื่มน้ำที่ร้อนจัดยังอาจทำลายเยื่อบุในปากและหลอดอาหาร เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าว ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่ร้อนเกินไป และเลือกดื่มน้ำอุ่นในอุณหภูมิที่เหมาะสมแทน

4. ดื่มน้ำมากเกินไป

แม้ว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่การดื่มมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้เช่นกัน หากร่างกายได้รับน้ำมากเกินความต้องการเป็นเวลานาน ไตจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับน้ำส่วนเกินออก ส่งผลให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อยและปวดปัสสาวะฉับพลัน ซึ่งเป็นภาระต่อกระเพาะปัสสาวะและร่างกายโดยรวม

นอกจากนี้ การดื่มน้ำมากเกินไปยังอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรืออุจจาระเหลวได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย

หมอสะพรึง ชายปวดท้องมา รพ. เคสผ่ายาก \

หมอสะพรึง ชายปวดท้องมา รพ. เคสผ่ายาก "นิ่ว" ใหญ่เท่าไข่ห่าน ย้ำสิ่งที่ควร-ไม่ควรกิน!

ชายปวดท้องมา รพ. หมอตรวจเจอเนื้องอก และ "นิ่ว" ใหญ่เท่าไข่ห่าน ยอมรับเป็นเคสยาก พร้อมย้ำเตือนทุกคน สิ่งที่ควร-ไม่ควรกิน!

จดเลย! ต่างชาติแนะดื่ม \

จดเลย! ต่างชาติแนะดื่ม "น้ำผลไม้สีแดง 3 ชนิด" ลดความดันโลหิต เมืองไทยมีขายครบ

การศึกษาพบ "น้ำผลไม้สีแดง 3 ชนิด" อาจช่วยลดความดันโลหิตได้ ซึ่งทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ

กว่า 50 ปี แพทย์ไขปริศนา “บรูซ ลี” เสียชีวิตตั้งแต่หนุ่มๆ เชื่อต้นเหตุคือการ “ดื่มน้ำ”

กว่า 50 ปี แพทย์ไขปริศนา “บรูซ ลี” เสียชีวิตตั้งแต่หนุ่มๆ เชื่อต้นเหตุคือการ “ดื่มน้ำ”

จากวลีดัง "Be water, my friend" สู่การตายของราชานักบู๊ "บรูซ ลี" แพทย์เชื่อไขปริศนาได้แล้ว หลังผ่านมากว่า 50 ปี

ช็อกทั้งหมู่บ้าน คุณปู่วัย 70 กูรูออกกำลังกาย จู่ๆ เป็นอัมพาตหลัง \

ช็อกทั้งหมู่บ้าน คุณปู่วัย 70 กูรูออกกำลังกาย จู่ๆ เป็นอัมพาตหลัง "ดื่มน้ำ" แพทย์ชี้จุดพลาด!

คุณปู่วัย 70 เป็นอัมพาตหลัง "ดื่มน้ำ" แพทย์เตือน 3 ข้อ กระหายแค่ไหนก็จงหลีกเลี่ยง!!!