เนื้อหาในหมวด ข่าว

คนที่นอนหลับ \

คนที่นอนหลับ "เปิดหรือปิดไฟ" แบบไหนเสี่ยงน้ำตาลพุ่ง โรคหัวใจ-เบาหวาน มาเยือนถึงเตียง!

หมอเผยงานวิจัย เตือนคนชอบ "นอนเปิดไฟ" น้ำตาลในเลือดแปรปรวนไม่รู้ตัว พาโรคมาเยือนถึงเตียง

หลายคนอาจมีนิสัยชอบนอนเปิดไฟ เพราะรู้สึกปลอดภัยหรือช่วยให้หลับง่ายขึ้น แต่ผลการศึกษาล่าสุดชี้ว่า พฤติกรรมนี้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะในเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดและโรคเบาหวาน

งานวิจัยขนาดใหญ่จากจีนเผยผลน่ากังวล โดยทีมนักวิจัยโรงพยาบาล Ruijin สังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยการขนส่งเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Jiao Tong University) ประเทศจีน ได้ทำการศึกษากับกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ถึง 100,000 คน ซึ่งมีอายุเฉลี่ยราว 42.7 ปี และมีสัดส่วนเพศหญิงเกือบครึ่งหนึ่ง (49.2%)

ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า มีผู้ใหญ่กว่า 9 ล้านคนในจีน ที่อาจเผชิญกับความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานจากพฤติกรรมการนอนในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างในตอนกลางคืน โดยเฉพาะแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์ ทีวี หรือแสงไฟในห้อง

แม้การศึกษาอาจยังไม่สามารถระบุชนิดของแหล่งแสงที่ชัดเจนได้ แต่ด้วยขนาดกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ การค้นพบนี้จึงถือว่า “มีน้ำหนักและควรให้ความสนใจอย่างจริงจัง”

แสงไฟตอนกลางคืนส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกายอย่างไร?

อีกงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Northwestern สหรัฐอเมริกา ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) ได้ทดลองให้กลุ่มคนวัยหนุ่มสาว 20 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งนอนในห้องแสงสลัวคืนแรก และคืนต่อมาให้นอนภายใต้แสงไฟจากเพดาน อีกกลุ่มนอนในสภาพแสงสลัวทั้งสองคืน

ผลลัพธ์พบว่า กลุ่มที่นอนภายใต้แสงไฟสว่างมี ภาวะดื้อต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น และมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าปกติ ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานและโรคหัวใจ

นอกจากนี้ งานวิจัยจากปี 2019 ยังพบว่า ผู้หญิงที่นอนในห้องที่มีแสงจากทีวี หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ มีแนวโน้มน้ำหนักขึ้นและเสี่ยงโรคอ้วน มากกว่าผู้ที่นอนในความมืด ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานและโรคหัวใจโดยตรง

ดังนั้น แนะนำให้ลดแสงรบกวนในช่วงเวลานอน เพื่อสุขภาพการนอนที่ดี โดยจัดวางเตียงให้ห่างจากหน้าต่าง และใช้ผ้าม่านทึบแสง หรือใช้ผ้าปิดตาหากยังมีแสงรบกวน

หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ ทีวี หรือแล็ปท็อปก่อนนอน หรือตั้งเวลาให้ทีวีปิดอัตโนมัติ หากต้องดูทีวีก่อนนอน ปรับระดับแสงในบ้านให้ลดลงก่อนเข้านอน 2-3 ชั่วโมง หากจำเป็นต้องเปิดไฟ ควรใช้แสงสีแดงหรือแสงนวล และวางไว้ใกล้พื้น

รวมทั้งเคล็ดลับเพิ่มคุณภาพการนอนหลับแบบธรรมชาติ โดยควบคุมอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม คือประมาณ 15.6–19.4 องศาเซลเซียส เพื่อช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะพักผ่อนได้ดียิ่งขึ้น

และควรอาบน้ำอุ่นก่อนนอน เพื่อช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายให้พร้อมหลับลึก รวมทั้งฝึกเทคนิคการหายใจ 4-7-8 คือหายใจเข้า 4 วินาที กลั้นหายใจ 7 วินาที หายใจออก 8 วินาที ทำซ้ำ 3-4 รอบเพื่อช่วยให้จิตใจสงบและนอนหลับง่ายขึ้น

แม้การนอนหลับในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่าง อาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดและสุขภาพหัวใจนั้นไม่น้อยเลย หากอยากมีสุขภาพดีระยะยาว อย่าลืม "ปิดไฟก่อนนอน" ให้กลายเป็นนิสัยติดตัว

หนุ่มวัย 36 น้ำตาตก \

หนุ่มวัย 36 น้ำตาตก "ไตวาย" เพราะดื่มสิ่งนี้แทนน้ำเปล่า คิดว่าดีต่อสุขภาพ แต่ทำร่างพัง

ป่วยไตวายตอนอายุ 36! ชายหนุ่มเผยความเสียใจ “เพราะดื่มสิ่งนี้แทนน้ำเปล่า คิดว่าดีต่อสุขภาพ แต่สุดท้ายพังทั้งร่าง”

ผลวิจัยทึ่ง 1 กีฬาง่ายๆ ลดเสี่ยงโรคร้ายได้ แถมยืดอายุถึง 6 ปี มากกว่าวิ่ง-ว่ายน้ำเสียอีก!

ผลวิจัยทึ่ง 1 กีฬาง่ายๆ ลดเสี่ยงโรคร้ายได้ แถมยืดอายุถึง 6 ปี มากกว่าวิ่ง-ว่ายน้ำเสียอีก!

กีฬาใกล้ตัวที่ถูกประเมินต่ำไป แท้จริง "ยืดอายุ" ได้นานกว่าวิ่งหรือว่ายน้ำ ผลวิจัยชี้มีประโยชน์ 5 ด้าน

\

"กลิ่นรถใหม่" คืออะไร เป็นอันตรายต่อสุขภาพไหม? กูรูด้านรถยนต์เผยความจริงเบื้องหลัง

ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์เผยความจริงเบื้องหลัง “กลิ่นรถใหม่” ทำไมถึงหาทดแทนไม่ได้ เบื้องหลังกลิ่นหอมชวนหลงใหลนี้ อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณคาดคิด

รู้แล้วบอกต่อ \

รู้แล้วบอกต่อ "ตัดเล็บบ่อยเกินไป" อาจเป็นการทำร้ายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

รู้หรือไม่ว่า “การตัดเล็บบ่อยเกินไป” โดยเฉพาะหากตัดไม่ถูกวิธี อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเล็บในระยะยาว