.jpg)
เว็บนอกเตือนคน 8 กลุ่ม "อย่าดื่มกาแฟ" หยุดเชิญหายนะสู่ร่างกาย คนไทยรู้ตัวหรือยัง?!
รู้ตัวหรือยัง? เว็บนอกเตือนคน 8 กลุ่ม "ห้ามดื่มกาแฟ" ถ้าไม่อยากเชิญหายนะสู่ร่างกาย คนไทยก็ควรรู้ไว้!
แม้กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายคน ด้วยกลิ่นหอมและรสชาติขมกลมกล่อมอันเป็นเอกลักษณ์ แต่สำหรับบางคน การดื่มกาแฟอาจไม่ใช่เรื่องดีต่อสุขภาพเสมอไป เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงจนนำไปสู่ปัญหาสุขภาพแบบไม่รู้ตัว โดยเฉพาะใน 8 กลุ่มคนต่อไปนี้ ที่บทความจากเว็บไซต์ SOHA ทางฝั่งเวียดนาม ได้กล่าวย้ำเตือนเป็นพิเศษด้วยความเป็นห่วง
1. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ
คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่ส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาทและหัวใจ หากเป็นผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ คาเฟอีนอาจทำให้อาการแย่ลง เช่น ใจสั่น เหนื่อยง่าย หรือเจ็บหน้าอก นอกจากนี้ยังมีผลต่อการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้หัวใจทำงานหนักยิ่งขึ้น
2. ผู้ที่มีภาวะวิตกกังวล หรือเป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง
คาเฟอีนสามารถกระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด ส่งผลให้ผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลมีอาการแย่ลง เช่น กระสับกระส่าย หงุดหงิด นอนไม่หลับ และเกิดวงจร "ยิ่งเหนื่อยยิ่งกิน ยิ่งกินยิ่งนอนไม่หลับ" ที่ทำลายสุขภาพอย่างเงียบๆ
3. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
กาแฟมีความเป็นกรดสูง และยังส่งเสริมการหลั่งกรดในกระเพาะ ซึ่งอาจกระตุ้นให้อาการของโรคกระเพาะ ลำไส้แปรปรวน หรือกรดไหลย้อนกำเริบ โดยเฉพาะในผู้ที่มีแผลในกระเพาะหรือภาวะหลอดอาหารอักเสบ
4. สตรีมีครรภ์ และคุณแม่ให้นมบุตร
ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะกำจัดคาเฟอีนได้ช้าลง คาเฟอีนจึงสามารถส่งผ่านไปยังทารกในครรภ์และอาจส่งผลต่อพัฒนาการ เช่น ความเสี่ยงต่อการแท้ง คลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักแรกเกิดต่ำ นอกจากนี้ คาเฟอีนยังสามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมและส่งผลให้ทารกรู้สึกหงุดหงิดหรือหลับยาก
5. เด็กและวัยรุ่น
ระบบประสาทและหัวใจของเด็กยังไม่พัฒนาเต็มที่ การบริโภคคาเฟอีนอาจส่งผลกระทบ เช่น ใจสั่น สมาธิสั้น วิตกกังวล หรือนอนหลับไม่สนิท และยังมีความเสี่ยงในการลดการดูดซึมแคลเซียมที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูก
6. ผู้ป่วยโรคคอพอกเป็นพิษ (ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ)
โรคนี้ทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนเกินความจำเป็นอยู่แล้ว คาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการรุนแรงขึ้น เช่น ใจสั่น เหงื่อออกมาก หรือรู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งอาจทำให้อาการควบคุมยากขึ้น
7. ผู้ที่ใช้ยาบางประเภท
คาเฟอีนสามารถเกิดปฏิกิริยากับยา เช่น ยากระตุ้นประสาท หรือยากล่อมประสาท ทำให้ยาออกฤทธิ์แรงขึ้นหรือลดประสิทธิภาพลง จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนดื่มกาแฟเป็นประจำ
8. ผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน
บางคนมีความไวต่อคาเฟอีนโดยธรรมชาติ แม้ดื่มในปริมาณน้อยก็อาจมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น วิงเวียน ใจสั่น คลื่นไส้ หรือปวดศีรษะ หากคุณพบว่าเมื่อดื่มกาแฟแล้วมีอาการเหล่านี้ ควรพิจารณาหยุดหรือลดปริมาณการบริโภคลง
ท้ายที่สุดอย่าลืมจำไว้เสมอว่า กาแฟอาจเป็น "เพื่อนที่ดี" ของหลายคนในยามง่วง แต่สำหรับกลุ่มเสี่ยงดังที่กล่าวข้างต้น มันอาจกลายเป็น "ภัยเงียบ" ที่บั่นทอนสุขภาพอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้น หากคุณอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อย่าลืมฟังเสียงร่างกาย และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง!
- คนป่วยโรคไตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แพทย์เตือน 3 อาหารควรเลี่ยงหากไม่อยาก "ไตพัง"
- วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้ว “1 เครื่องดื่มสีแดง” ที่ช่วยเปิดหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอล!