(2).jpg)
หลายคนไม่รู้ 4 สิ่งนี้อย่าเผลอกินคู่กับ "เนื้อวัว" เด็ดขาด แต่ข้อ 3 คนไทยทำกันเพียบ
หลายคนไม่รู้ อย่าเผลอเอาสิ่งเหล่านี้มากินคู่กับ "เนื้อวัว" เด็ดขาด และ 7 กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการกินเนื้อวัว
เนื้อวัวเป็นเนื้อแดงที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก แคลเซียม กรดอะมิโน 18 ชนิด วิตามินรวม และสารอาหารอื่น ๆ ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดี โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง
แต่อย่างไรก็ตาม เนื้อวัวก็ไม่ควรกินมากเกินไป และไม่ใช่อาหารทุกชนิดจะสามารถจับคู่กับเนื้อวัวได้อย่างเหมาะสม
4 อาหารที่ไม่ควรกินร่วมกับเนื้อวัว
1. ลูกพลับ
หลังจากรับประทานเนื้อวัว ไม่ควรกินลูกพลับในทันที เพราะลูกพลับมีกรดแทนนิกในปริมาณหนึ่ง ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยากับแคลเซียมในเนื้อวัว กลายเป็นสารแคลเซียมแทนนาเต หากสะสมมากอาจก่อให้เกิดนิ่วในร่างกายได้
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกพลับมีฤทธิ์เย็น ขณะที่เนื้อวัวมีฤทธิ์ร้อน การรับประทานร่วมกันอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลในร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีระบบย่อยอาหารหรือม้ามทำงานไม่ดี อาจเกิดอาการท้องเสียได้ง่าย ทางที่ดี ควรรออย่างน้อย 8 ชั่วโมงหลังรับประทานเนื้อวัว แล้วจึงกินลูกพลับ และไม่ควรกินเกิน 2 ผล
2. ชาเขียว
กรดแทนนิกในชาเมื่อรวมกับโปรตีนในเนื้อวัว อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผนังลำไส้ ส่งผลให้ของเสียตกค้างและการเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง จนก่อให้เกิดอาการท้องผูกได้ ดังนั้นควรรออย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานเนื้อวัวก่อนจะดื่มชา
ไม่เพียงแค่กับเนื้อวัวเท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำชาหลังจากกินเนื้อแดงชนิดอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันผลกระทบในลักษณะเดียวกัน
3. ไข่
หลายคนอาจคิดว่าไม่มีอันตราย แต่ในความเป็นจริง ไข่และเนื้อวัวล้วนเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน หากรับประทานพร้อมกันในปริมาณมากจะเพิ่มภาระให้ระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะในผู้ที่มีระบบทางเดินอาหารอ่อนแอ อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกหรือท้องเสียได้ง่าย
ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการกินไข่และเนื้อวัวพร้อมกัน และควรจัดสมดุลทางโภชนาการให้เหมาะสมในแต่ละมื้ออาหาร
4. ถั่วเหลือง
ทั้งเนื้อวัวและถั่วเหลืองล้วนมีปริมาณพิวรีนสูง ซึ่งอาจส่งผลให้กรดยูริกสะสมในเลือดมากขึ้น และเป็นสาเหตุของโรคเกาต์ รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อและกระดูก ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อวัวร่วมกับผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองเพื่อป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้
ใครควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการกินเนื้อวัว?
1. ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือคอเลสเตอรอลสูง
เนื้อวัว โดยเฉพาะส่วนที่มีไขมันหรือผ่านการแปรรูป เช่น ไส้กรอก เนื้อวัวแห้ง แฮม มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อหลอดเลือดตีบ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง
คำแนะนำ: ควรเลือกเนื้อส่วนที่ไม่มีไขมัน หลีกเลี่ยงการรับประทานบ่อย และหันไปเลือกโปรตีนชนิดอื่นที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ปลา เต้าหู้ หรือเนื้อไก่ไร้หนังแทน
2. ผู้ที่เป็นโรคเกาต์หรือมีกรดยูริกในเลือดสูง
เนื้อวัวมีพิวรีนสูง ซึ่งเมื่อร่างกายย่อยจะสร้างกรดยูริก หากกรดยูริกในเลือดสูงเกินไป จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกาต์ ทำให้เกิดอาการปวดบวมตามข้ออย่างรุนแรง
คำแนะนำ: ผู้ป่วยโรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการกินเนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ และเครื่องในสัตว์ให้มากที่สุด
3. ผู้ที่มีไข้หรือมีการอักเสบ
เนื้อวัวมีลักษณะ "ร้อน" มีพลังงานสูง การย่อยจะทำให้เกิดความร้อนในร่างกาย และย่อยยากกว่าปกติ ในช่วงที่มีไข้หรือการอักเสบ การทานเนื้อวัวอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้นและมีความร้อนในร่างกายสูงขึ้น
คำแนะนำ: ควรเลือกอาหารที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ซุป หรือผักต้มในช่วงนี้
4. ผู้ที่มีปัญหาการย่อยอาหาร (ท้องอืด, ท้องผูก, กระเพาะอักเสบ)
เนื้อวัวมีโปรตีนสูงและไฟเบอร์ต่ำ อาจทำให้ย่อยยากหากทานในปริมาณมากหรือปรุงไม่ถูกวิธี (ทอด, ย่าง, รับประทานดิบ) ผู้ที่มีระบบย่อยอาหารอ่อนแออาจรู้สึกท้องอืดหรือไม่สบายท้องหลังทานอาหาร
คำแนะนำ: หากยังอยากทาน ควรทานในปริมาณน้อย ผสมกับผักใบเขียว และเน้นการปรุงแบบต้มจนนุ่มหรือการต้ม
5. ผู้ที่เป็นนิ่วในไต (ออกซาเลตหรือแคลเซียมออกซาเลต)
เนื้อวัวมีโปรตีนจากสัตว์สูง ซึ่งอาจทำให้การขับแคลเซียมและออกซาเลตในปัสสาวะเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดนิ่วในไต
คำแนะนำ: ควรหลีกเลี่ยงการทานเนื้อแดง เพิ่มการดื่มน้ำและเสริมผักผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
6. ผู้ที่เพิ่งผ่าตัดหรือมีแผลที่ยังไม่หาย
เนื้อวัวมีเหล็กและไมโอโกลบินสูง ซึ่งการย่อยอาหารอาจทำให้แผลเป็นรอยดำหรือบวมในบางคนที่มีร่างกายไวต่อสิ่งเหล่านี้
คำแนะนำ: ในช่วงฟื้นตัวแรก ควรเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย เบาๆ อุดมไปด้วยวิตามินซีและสังกะสีเพื่อช่วยเร่งการสมานแผล
7. ผู้ที่แพ้เนื้อแดง
แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่บางคนอาจแพ้ alpha-gal ซึ่งเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในเนื้อแดง (เนื้อวัว, เนื้อแกะ, เนื้อหมู) ทำให้เกิดอาการคัน ผื่นลมพิษ หรือช็อกจากการแพ้
คำแนะนำ: ควรได้รับการวินิจฉัยและหลีกเลี่ยงเนื้อแดงจากเมนูอาหารโดยสิ้นเชิงหากแพทย์ยืนยัน
ทั้งนี้ เนื้อวัวเป็นแหล่งโปรตีนและเหล็กที่ดี แต่ไม่เหมาะกับทุกคน กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจ, เกาต์, ระบบย่อยอาหาร หรือมีร่างกายไวต่อสิ่งเหล่านี้ ควรจำกัดหรือหลีกเลี่ยงการทานเนื้อวัวเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการหากคุณมีปัญหาสุขภาพเฉพาะ