เนื้อหาในหมวด ข่าว

ไม่ดื่มเหล้าเบียร์ แต่เป็น \

ไม่ดื่มเหล้าเบียร์ แต่เป็น "มะเร็งตับ" ต้นเหตุคือ "ของที่คิดว่าดี" แท้จริงคือระเบิดเวลา

ไม่ดื่มเหล้า-เบียร์ แต่เป็นมะเร็งตับ? ส่อง “ของดี” ที่อาจเป็นระเบิดเวลาทำร้ายตับ

หลายคนเชื่อว่าโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับเป็นโรคของผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ผู้ที่ไม่ดื่มเลยก็มีความเสี่ยงสูงไม่ต่างกัน โดยมีสาเหตุมาจาก “ของที่คิดว่าดี” ที่หลายคนรับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพ เช่น อาหารเสริม วิตามิน หรือยาบำรุงต่างๆ ซึ่งหากบริโภคไม่ถูกวิธีหรือไม่จำเป็น ก็อาจกลายเป็นภาระให้ตับทำงานหนักจนอักเสบ และกลายเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่โรคร้ายได้

ตับ: อวัยวะที่ทำงานหนักและเงียบที่สุด

ตับเปรียบเสมือนโรงงานขนาดใหญ่ของร่างกาย มีหน้าที่สำคัญกว่า 500 อย่าง รวมถึงการกำจัดสารพิษออกจากเลือด สร้างสารที่จำเป็นต่อร่างกาย และสังเคราะห์สารอาหารที่ได้รับมาไปใช้งาน แต่เมื่อใดก็ตามที่เราบริโภคสิ่งใดๆ เข้าไปเกินความจำเป็น ตับจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับสารเหล่านั้นออกจากร่างกาย

สารที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงแค่แอลกอฮอล์หรือยาอันตราย แต่ยังรวมถึงวิตามินและอาหารเสริมที่หลายคนเชื่อว่าเป็นประโยชน์ ซึ่งหากร่างกายได้รับในปริมาณที่เพียงพอจากอาหารหลักอยู่แล้ว การรับประทานเพิ่มเข้าไปก็ไม่ต่างอะไรกับการเพิ่มภาระให้ตับต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดส่วนเกินทิ้งไป

อาหารเสริม-วิตามิน: กินบำรุงหรือทำร้ายตับกันแน่?

ความเชื่อที่ว่า "ยิ่งกินยิ่งดี" อาจใช้ไม่ได้กับอาหารเสริมและวิตามิน การบริโภคเกินขนาดหรือติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ อาจส่งผลให้เกิดภาวะ “ตับอักเสบจากยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” (Drug-Induced Liver Injury: DILI) ซึ่งเป็นภาวะที่เซลล์ตับถูกทำลายโดยตรง

  • วิตามินที่ละลายในไขมัน: วิตามินเอ, ดี, อี, เค หากได้รับมากเกินไปจะเกิดการสะสมในตับและก่อให้เกิดพิษได้ โดยเฉพาะวิตามินเอในปริมาณสูงมีความสัมพันธ์กับการทำลายตับโดยตรง
  • สมุนไพรและสารสกัด: ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิดมีส่วนผสมของสมุนไพรที่ไม่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ หรือมีสารที่อาจปนเปื้อนโลหะหนัก ซึ่งเป็นพิษต่อตับอย่างรุนแรง
  • อาหารเสริมเพื่อลดน้ำหนักหรือสร้างกล้ามเนื้อ: มักมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์หรือสารกระตุ้นอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับโดยตรง และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน

งานวิจัยและการเก็บข้อมูลผู้ป่วยพบว่า ภาวะตับอักเสบจากยาและอาหารเสริมเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และในกรณีที่รุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะตับวายเฉียบพลันได้ ซึ่งภาวะตับอักเสบเรื้อรังนี้เองที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการเกิดพังผืดในตับ ตับแข็ง และพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับในที่สุด

ภัยเงียบในอาหารที่คาดไม่ถึง

นอกเหนือจากอาหารเสริม อีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งตับในคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ คือ สารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่สร้างจากเชื้อรา มักพบปนเปื้อนในอาหารแห้งที่เก็บรักษาไม่ดี เช่น ถั่วลิสงป่น พริกป่น กระเทียมแห้ง และธัญพืชต่างๆ สารพิษชนิดนี้เป็นสารก่อมะเร็งโดยตรงและเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของมะเร็งตับในหลายประเทศ

สัญญาณเตือนว่าตับของคุณอาจกำลังมีปัญหา

โรคตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อตับเริ่มทำงานผิดปกติ อาจมีสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้ปรากฏขึ้น

  • อ่อนเพลียอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน)
  • ปัสสาวะสีเข้มเหมือนสีน้ำปลา
  • ปวดแน่นบริเวณชายโครงขวา
  • ท้องบวม ขาบวม

สรุป: ดูแลตับให้ถูกวิธี ก่อนจะสายเกินไป

การดูแลตับที่ดีที่สุดไม่ใช่การหาซื้อวิตามินหรืออาหารเสริมมารับประทาน แต่คือการกลับสู่พื้นฐานของการมีสุขภาพดี การไม่ดื่มเหล้าหรือเบียร์เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องใส่ใจปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ด้วย ก่อนตัดสินใจรับประทานอาหารเสริมใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ เพื่อประเมินความจำเป็นและความปลอดภัย

การเลือกรับประทานอาหารที่สดใหม่ ปรุงสุกสะอาด และหลีกเลี่ยงอาหารแห้งที่เก็บไว้นานจนอาจมีเชื้อรา ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญในการลดความเสี่ยงจากมะเร็งตับ การตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจการทำงานของตับเป็นประจำ จะช่วยให้เราทราบถึงความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที

แหล่งอ้างอิง

  • โรงพยาบาลเมดพาร์ค
  • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
  • คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  • กูรูชี้ช่อง \

    กูรูชี้ช่อง "หนีโรคตับ" เลิกเครื่องดื่มยอดฮิต ไม่ใช่แค่เหล้า-กาแฟ-น้ำอัดลม อีกอย่างก็ร้าย!

    เตือนแล้วนะ 4 เครื่องดื่มที่ "ควรหลีกเลี่ยง" ในตอนเย็น-กลางคืน เพื่อสุขภาพตับที่ดี