3 ส่วนของปลาที่มีปริมาณ "โลหะหนัก" สูงที่สุด แต่หลายคนไม่รู้ ชอบกินกันมาก!
3 ส่วนของเนื้อปลา ที่มักสะสมโลหะหนักมากที่สุด ผู้เชี่ยวชาญเตือน หลายคนชอบกินโดยไม่รู้ตัว
แม้ปลาจะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อุดมด้วยโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อหัวใจและสมอง แต่หากเลือกกินผิดส่วนก็อาจได้รับ “โลหะหนัก” เข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว จางอวี่ซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากไต้หวัน เตือนว่ามี 3 ส่วนของปลาที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด เพราะเป็นจุดสะสมสารพิษและโลหะหนักในร่างปลามากที่สุด
3 ส่วนของปลา ที่มักมีโลหะหนักสูง
- หนังปลา – แม้จะอุดมด้วยคอลลาเจนและไขมันดี แต่ก็เป็นส่วนที่สะสมโลหะหนักมากที่สุด เพราะอยู่ชั้นนอกที่สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมโดยตรง
- หัวปลา – โดยเฉพาะบริเวณใกล้เหงือก มักมีสารพิษและปรสิตสะสมอยู่จำนวนมาก
- เครื่องในปลา – ถือเป็นแหล่งรวมของเสียและสารพิษจากร่างปลาทั้งหมด มีคุณค่าทางอาหารต่ำ และไม่แนะนำให้รับประทาน
ปลาขนาดใหญ่และปลานักล่า เช่น ปลาทูน่า ปลาฉลาม และปลาอินทรี มีความเสี่ยงสูงต่อการสะสมสารปรอทและโลหะหนักอื่น ๆ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็กควรหลีกเลี่ยงปลากลุ่มนี้โดยเด็ดขาด
วิธีปรุงก็มีผลต่อความปลอดภัย
- ปลาทอดน้ำมันท่วม – เพิ่มความเสี่ยงต่อไขมันทรานส์และโรคหัวใจ
- ปลาทอดหรือปลาต้มรสจัด – เช่น ปลาทอดเค็ม ปลาราดซอสเข้มข้น มักมีโซเดียมสูง เสี่ยงต่อภาวะบวมน้ำและความดันโลหิตสูง
4 เคล็ดลับกินปลาให้ปลอดภัยจากโลหะหนัก
- เลือกปลาตัวเล็ก เช่น ปลาทู ปลาซิว ปลานิลตัวเล็ก หรือปลาซาร์ดีน เพราะอยู่ในห่วงโซ่อาหารสั้น สะสมโลหะหนักน้อยกว่า
- ก่อนปรุงเมนูต้มยำหรือลวกปลา ควรลวกปลาด้วยน้ำร้อนสักครู่ เพื่อลดคาวและชะล้างโลหะหนักบางส่วนออก
- ซื้อปลาที่มีฉลากรับรองแหล่งที่มาและคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร
- จำกัดการบริโภคปลาทะเลน้ำลึก แม้จะอุดมด้วยโอเมก้า-3 แต่เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสะสมโลหะหนักสูง

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า การต้มปลาแซลมอนอย่างถูกวิธีสามารถลดโลหะหนักได้ถึง 40% จึงถือเป็นวิธีปรุงที่ปลอดภัยและดีที่สุดสำหรับปลาแซลมอน
สรุป แม้ปลาจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ควรเลือกกินอย่างรู้เท่าทัน เลือกส่วนที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงหนัง หัว และเครื่องใน รวมถึงปรุงอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ทั้งคุณค่าและความปลอดภัยในระยะยาว
