เคยถูกเหยียดเป็น "ปลาคนจน" ผู้ดีไม่นิยมกิน แท้จริงคือแหล่งอาหารดีที่สุดของคนไทย
ปลาที่เคยถูกเหยียดเป็น "ปลาคนจน" แท้จริงเป็นแหล่งอาหารดีที่สุดของคนไทย
ปลาทู ถือเป็นอาหารคู่ครัวและเป็นปลาเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยมาช้านาน ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย แต่ในอดีตกลับถูกมองเป็นเพียง "อาหารคนจน"
ภาพจำว่า “ปลาทูคือปลาคนจน” มีรากลึกในวัฒนธรรมไทย ย้อนไปในหนังสือเรียน ประถม ก กา ที่มีข้อความว่า
“ปลาทูอยู่ทะเล ปลาขี้เหร่ไม่สู้ดี ซื้อเขาเบาราคา ปลาขี้ข้าใช่ผู้ดี”
ข้อความนี้สะท้อนชัดว่า “ปลาทูราคาถูก” ถึงขั้นถูกมองว่าเป็นของไพร่หรือชาวบ้าน ไม่คู่ควรกับเจ้านาย ผู้ดีเขาไม่นิยมกินกัน ยิ่งเป็นขุนนางด้วยแล้วหากนำปลาทูมาขึ้นโต๊ะเลี้ยงแขก เป็นต้องถูกนินทาให้อับอาย
อย่างไรก็ตาม ในทางโภชนาการ ปลาทู คือซูเปอร์ฟู้ด ที่อัดแน่นด้วยสารอาหารคุณภาพสูง โดยเฉพาะโปรตีนและโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมหาศาล

ตำนานการกิน ปลาทู ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงชนชั้นสูง
ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีชาวต่างชาติอย่าง “ฌอง บัปติสต์ ปาลเลกัวซ์” บันทึกว่าอ่าวสยามเต็มไปด้วยปลาทูจำนวนมาก จนกลายเป็นทรัพยากรหลักของเมืองชายทะเล และมีการเก็บ “ภาษีปลาทู” เป็นครั้งแรก เพราะจับได้มากจนราคาถูกเหลือเชื่อ จนถูกเรียกว่า “ปลาแมว” เพราะเป็นปลาที่เอาไว้คลุกข้าวให้แมวกิน
อย่างบทละครเรื่อง “ระเด่นลันได” ก็เคยอ้างถึงปลาทูว่า “ปลาแห้งปลาทูปูลัง เสบียงกรังมีมากไม่ยากจน” สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของปลาทูว่าเป็นอาหารของชาวบ้านธรรมดา แม้เป็นขอทานยังมีปลาทูกิน
อย่างไรก็ตาม ความนิยมของปลาทูก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนทั่วไป เพราะเจ้านายชั้นสูงหลายท่านก็ทรงโปรดปรานเช่นกัน เช่น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ก็ทรงกล่าวถึงปลาทูบ่อยครั้งเมื่อทรงคิดถึงอาหารไทยยามเสด็จประพาสต่างประเทศ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ผู้แต่งตำราอาหาร “แม่ครัวหัวป่าก์” ยังได้กล่าวว่า ปลาทูคือทรัพย์อันหนึ่งของชาติและเป็นสิ่งที่ใช้ได้ตั้งแต่สามัญชนจนถึงชนชั้นสูง
![]()
สารอาหารเด่นใน ปลาทู: ประโยชน์ที่เหนือกว่าราคา
ปลาทูอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ทำให้ปลาชนิดนี้เป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศ โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีนคุณภาพสูง นี่คือคุณประโยชน์หลักที่ทำให้ปลาทูไม่ควรถูกมองข้าม:
1. กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3) ระดับสูง
นี่คือสารอาหารดาวเด่นของปลาทู โดยเฉพาะ DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายในหลายระบบ กรดไขมันเหล่านี้ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ทำให้ความจำดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นการบำรุงหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด
2. โปรตีนคุณภาพดี ย่อยง่าย
ปลาทูให้โปรตีนเฉลี่ยสูงถึง 20–22 กรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งเป็น โปรตีนสมบูรณ์ ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน โปรตีนจากปลาทูจะย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์บก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ในการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
3. วิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย
ปลาทูยังเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นอีกมากมาย เช่น วิตามินบี 12 ซึ่งสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง วิตามินดี ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและเสริมภูมิคุ้มกัน รวมถึงไอโอดีน แคลเซียม และฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน

ปลาทู คือโปรตีนที่เหมาะที่สุดสำหรับคนไทย
ถึงแม้ปลาทูจะไม่ใช่ “โปรตีนที่ดีที่สุดของโลก” แต่มันคือ โปรตีนประจำบ้านที่เหมาะที่สุดสำหรับคนไทย ด้วยเหตุผลด้านการเข้าถึงและความปลอดภัย ปลาทูเป็นปลาที่มีราคาถูกและหาซื้อได้ง่ายกว่าปลาทะเลน้ำลึกราคาแพง ทำให้คนไทยทุกครัวเรือนสามารถเข้าถึงแหล่งโปรตีนคุณภาพเยี่ยมนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ ด้วยขนาดที่เป็นปลาตัวเล็ก ทำให้มีการสะสมสารปรอทและโลหะหนักในปริมาณที่ต่ำกว่าปลาทะเลขนาดใหญ่ การรับประทานปลาทูจึงค่อนข้างปลอดภัยและสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่หลากหลาย
ดังนั้น ปลาทูจึงพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่แค่ “ปลาถูก” แต่คือ อาหารบำรุงสมองและหัวใจ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
วิธีการปรุง ปลาทู อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
แม้ปลาทูจะมีประโยชน์สูง แต่การเลือกวิธีปรุงอาหารก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและหลีกเลี่ยงโซเดียมหรือไขมันที่ไม่จำเป็น ควรเน้นการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนต่ำถึงปานกลางเพื่อคงกรดไขมันโอเมก้า 3 ไว้ให้มากที่สุด:
-
การย่างหรืออบ: เป็นวิธีที่แนะนำที่สุดเพราะช่วยคงคุณค่าของโอเมก้า 3 ได้ดีและใช้น้ำมันน้อยหรือไม่ใช้เลย
-
การนึ่งหรือต้ม: เช่น เมนูปลาทูนึ่งหรือต้มยำปลาทู เป็นทางเลือกที่ดีที่ช่วยลดการเพิ่มไขมันในมื้ออาหาร
-
หลีกเลี่ยงการทอดน้ำมันท่วม: การทอดในน้ำมันที่ร้อนจัดอาจทำให้โอเมก้า 3 สลายตัวไปได้บางส่วน หากจำเป็นควรใช้วิธีทอดแบบน้ำมันน้อย หรือใช้หม้อทอดไร้น้ำมันแทน
-
ระวังโซเดียม: ปลาทูนึ่งหรือปลาทูเค็มบางเจ้ามีการใส่เกลือปริมาณสูงเพื่อถนอมอาหาร จึงควรเลือกปลาทูสดมาปรุงเอง หรือเลือกร้านที่ควบคุมปริมาณโซเดียม เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อไตและระบบความดันโลหิต