เนื้อหาในหมวด ข่าว

ชายรักสุขภาพ ชอบ \

ชายรักสุขภาพ ชอบ "จ็อกกิ้งและดื่มชา" แต่สุดท้ายไตวาย หมอเฉลยชัดๆ พลาดที่สิ่งไหน?!

ชายรักสุขภาพ ชอบจ็อกกิ้งและดื่มชา จู่ๆ ไตวายรุนแรง หมอชี้ "สิ่งที่พลาด" กลายเป็นบทเรียนชีวิต

ในชีวิตสมัยใหม่ ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าการออกกำลังกายสม่ำเสมอและรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะช่วยให้มีสุขภาพที่ดี อย่างไรก็ตาม นิสัยบางอย่างที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย กลับก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อร่างกายหากไม่ได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง ดังเช่นเรื่องราวของ "นายจาง" ชายอายุ 55 ปี ที่อาศัยอยู่ที่มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ถือเป็นตัวอย่างที่ทำให้ใครหลายๆ คนต้องครุ่นคิด

นายจางเป็นคนใส่ใจเรื่องสุขภาพมาก ทุกเช้าเขาจะวิ่งจ็อกกิ้งอย่างสม่ำเสมอ โดยเชื่อว่านิสัยนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายยืดหยุ่นเท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจสดชื่นอีกด้วย นอกจากนี้เขายังชื่นชอบการดื่มชาเป็นพิเศษ โดยถือว่าชาเป็นงานอดิเรกที่หรูหราและช่วยผ่อนคลายจิตใจได้ วันแล้ววันเล่า เขาใช้เวลาในการจิบชาหลายถ้วย แม้กระทั่งดื่มตอนท้องว่างหรือทันทีหลังออกกำลังกาย โดยไม่ตระหนักว่านิสัยเหล่านี้กำลังทำลายสุขภาพของเขาอย่างเงียบๆ

ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านต่างคอยย้ำเตือนตรงกันว่า การดื่มชาเข้มข้นในขณะท้องว่างหรือหลังออกกำลังกาย อาจส่งผลเสียต่อการทำงานของไตอย่างร้ายแรง และหากดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็ย่อมจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไตวาย น่าเสียดายที่นายจางเพิ่งตระหนักถึงสิ่งนี้เมื่อ "ไตวายรุนแรง" และอาการป่วยของเขาแย่ลงอย่างมากแล้ว

บทเรียนเรื่องสุขภาพ จากนิสัยที่เหมือน “ฆ่าไต” อย่างเงียบๆ

ชา เป็นที่รู้จักกันว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ช่วยล้างพิษในร่างกาย ลดความเครียด และมีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่รู้วิธีดื่มชาอย่างถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพ ตามที่แพทย์ระบุว่า ชาประกอบด้วยคาเฟอีนและธีอะนีน ซึ่งเป็นสาร 2 ชนิดที่กระตุ้นระบบประสาท เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และเป็นยาขับปัสสาวะที่มีฤทธิ์แรง

ดังนั้น หากดื่มชาเขียวเข้มข้นเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายไม่ได้รับพลังงานเพียงพอหลังออกกำลังกาย ไตจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อประมวลผลสารนี้ ในระยะยาวอาจนำไปสู่การทำงานของไตเสื่อมได้ และที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ เมื่อไตได้รับความเสียหาย ความสามารถในการกำจัดสารพิษก็ลดลง ทำให้เกิดวงจรที่ทำให้ไตวายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากการดื่มชาอย่างไม่ถูกต้องแล้ว พฤติกรรมการออกกำลังกายยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน หากไม่ทำอย่างเป็นวิทยาศาสตร์และสมเหตุสมผล โดยแพทย์เตือนว่าเมื่อจ็อกกิ้ง ร่างกายจะเหงื่อออกมาก ทำให้สูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์ หากไม่เติมน้ำอย่างทันท่วงที ไตจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของของเหลวและกรองเลือด ทำให้ไตเสี่ยงต่อการรับน้ำมากเกินไป

ที่อันตรายยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ แล้วดื่มชาเข้มข้นเข้าไป ไตก็จะทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้กระบวนการเสื่อมถอยเร็วขึ้น ท้ายที่สุดการรวมตัวของนิสัยที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตรายเหล่านี้ ทำให้การทำงานของไตของนายจางเสื่อมลงอย่างรุนแรงเมื่อเวลาผ่านไป

เพื่อปกป้องไตและรักษาสุขภาพที่ดี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าทุกคนควรหลีกเลี่ยงการดื่มชาเข้มข้นขณะท้องว่างหรือทันทีหลังออกกำลังกาย ให้เลือกดื่มชาอ่อนๆ หลังอาหารเพื่อลดความดันในไต นอกจากนี้การจ็อกกิ้งก็ต้องทำอย่างถูกวิธี ไม่ควรออกกำลังกายหนักเกินไป และจะต้องดื่มน้ำให้เพียงพอทั้งก่อนระหว่างและหลังการออกกำลังกาย เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดน้ำ ซึ่งจะช่วยลดภาระของไต

สาววัย 22 ฉี่สีเข้มเหมือนชา หมอบอก \

สาววัย 22 ฉี่สีเข้มเหมือนชา หมอบอก "ไตใช้ไม่ได้แล้ว" เปิดนิสัย 3 ข้อ ที่หลายคนชอบทำ

สาววัย 22 ฉี่สีเข้มเหมือนชา หมอบอกข่าวร้าย "ไตสองข้างใช้ไม่ได้แล้ว" เปิดนิสัย 3 ข้อ นำไปสู่หายนะ อาหารที่กิน-น้ำที่ดื่ม-เวลาที่นอน

เตือนภัยสายแซ่บ! ชายกินอาหารใส่ \

เตือนภัยสายแซ่บ! ชายกินอาหารใส่ "พริก" วันละ 3 มื้อ บทเรียนครั้งใหญ่ เกือบตายเฉียบพลัน

ชายกินอาหารใส่ "พริก" วันละ 3 มื้อ กลายเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ อร่อยปากลำบากไต เกือบตายแบบเฉียบพลัน