.jpg)
รอดตายมาเตือน! หญิงได้ยิน "เสียงนี้" จากในอก ช็อกซ้ำแพทย์วินิจฉัย เหลือชีวิตแค่ 24 ชม.
หญิงวัย 45 ฟิตหุ่นประจำ แต่เกือบเสียชีวิตกลางฟิตเนส หลังได้ยินเสียง "เหมือนฟองอากาศ" ในร่างกาย แพทย์ยังบอกเหลือชีวิตแค่ 24 ชม. แต่รอดตายปาฏิหาริย์!
เหตุการณ์ระทึกนี้เกิดขึ้นกับ Marie-Anne August หญิงชาวอังกฤษวัย 45 ปี ผู้มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟและออกกำลังกายเป็นประจำตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทว่าระหว่างการออกกำลังกายในคลาส CrossFit วันหนึ่ง เธอกลับรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง พร้อมได้ยินเสียงฟู่ๆ "เหมือนฟองอากาศผุดขึ้นในร่างกาย" ก่อนที่แพทย์จะวินิจฉัยว่าเธอ “เหลือเวลาเพียง 24 ชั่วโมงในการมีชีวิตอยู่” หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
เธอเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ระหว่างที่กำลังฝึกด้วยเครื่องพายเรือด้วยความเข้มข้นสูง จู่ๆ รู้สึกเหมือนหน้าอกถูกฉีกออกเป็นสองส่วน พร้อมกับเสียงแปลกๆ ภายในร่างกาย เธอรีบไปโรงพยาบาลทันที เข้ารับการตรวจเลือดและคลื่นไฟฟ้าหัวใจ(ECG) ซึ่งผลออกมาว่าปกติดี จึงถูกส่งกลับบ้านโดยไม่มีการวินิจฉัยอาการรุนแรงใดๆ
แต่เธอกลับยังคงรู้สึกไม่สบาย และในอีกสองวันต่อมา อาการเริ่มแย่ลงอย่างชัดเจน จนครอบครัวต้องพาเธอกลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง เธอบรรยายความรู้สึกในตอนนั้นว่า "ฉันหายใจแทบไม่ออก และความเจ็บปวดนั้นรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว"
ครั้งนี้ แพทย์ทำการ CT-Scan และพบว่าเธอกำลังประสบภาวะ “แยกตัวของหลอดเลือดแดงใหญ่” (Aortic Dissection) ซึ่งเป็นภาวะอันตรายที่เกิดจากผนังของหลอดเลือดแดงใหญ่เกิดรอยแยก ทำให้เลือดรั่วไหลเข้าไปในชั้นผนังหลอดเลือด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน อัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น 1-3% ทุกๆ ชั่วโมง
เธอถูกส่งตัวฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทางทันที และเข้ารับการผ่าตัดที่กินเวลาหลายชั่วโมง โดยแพทย์ระบุว่า เธอเหลือเวลาชีวิตอยู่เพียงประมาณ 24 ชั่วโมงเท่านั้น หากไม่ได้รับการรักษา โชคดีที่สภาพร่างกายแข็งแรงจากการออกกำลังกายมาอย่างยาวนาน มีส่วนช่วยให้เธอสามารถประคองชีวิตได้นานพอจนถึงเวลาผ่าตัด
ไม่เพียงเท่านั้น แต่หลังผ่าตัดสำเร็จ การฟื้นตัวถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบชีวิต เธอต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับข้อจำกัดใหม่ของร่างกาย ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเคยภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของตนเอง
เธอยังเผยด้วยว่า ภาวะนี้พบได้มากในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งมีอัตราเกิดประมาณ 35 ราย ต่อ 100,000 รายต่อปี อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ออกกำลังกายหนัก เช่น นักกีฬาพายเรือ ยกน้ำหนัก หรือวิ่งเร็ว ก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน โดยอ้างอิงจากงานวิจัยของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH)
แม้จะเคยได้รับการวินิจฉัยผิดในครั้งแรก แต่ Marie-Anne ไม่ได้โทษแพทย์ "ภาวะนี้ตรวจพบได้ยากมาก หากไม่ได้ทำ CT Scan" เธอกล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการให้ความรู้เพิ่มเติมในห้องฉุกเฉินเกี่ยวกับอาการที่ดูภายนอกอาจไม่รุนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความอันตรายถึงชีวิต "ไม่ใช่ความผิดของใคร แต่อยากให้มีการตระหนักรู้มากกว่านี้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเหมือนฉัน" เธอกล่าวย้ำ
เรื่องราวของ Marie-Anne เป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะมีสุขภาพดีเพียงใด ร่างกายก็อาจส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าเมื่อเกิดความผิดปกติ ดังนั้น การฟังเสียงเตือนจากร่างกายของตนเองอย่างใกล้ชิด อาจเป็นปัจจัยชี้เป็นชี้ตายที่สำคัญที่สุดก็ได้