"อย่ามากินฟรีบ้านตาอีกนะ" ตาแซวเล่นๆ หลานตอบกลับ 1 ประโยค ทำคนแก่ถึงกับทรุด!
“อย่ามากินฟรีบ้านตาอีกนะ!” หลานชายตอบกลับไป 1 ประโยค ทำเอาตาถึงกับทรุด วิกฤตการศึกษาลูกหลานยุคใหม่
หลังจากภรรยาเสียชีวิต คุณเหวียน (เวียดนาม) และสามีรู้สึกเป็นห่วงพ่อที่ต้องอยู่คนเดียว ทุกสุดสัปดาห์พวกเขาจึงพาหลานชายไปค้างคืนกับคุณตาที่บ้านเพื่อคลายเหงา คุณตาจะเตรียมอาหารโปรดของหลานไว้อย่างดีเสมอ และเต็มไปด้วยความสุขเมื่อหลานมาถึง
คำพูดของหลานที่ทำให้ผู้ใหญ่ตกตะลึง
เมื่อถึงเวลาต้องกลับบ้าน คุณตาโอบกอดหลานชายพร้อมพูดหยอกล้อด้วยความรักว่า “ครั้งหน้าอย่ามาอาศัยกินฟรีที่บ้านตาอีกนะ!” ผลปรากฏว่าหลานชายกลับตอบกลับไปด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “พอตาตาย ของทุกอย่างที่นี่ก็เป็นของผมทั้งหมด แล้วจะกินข้าวแค่มื้อเดียวจะเป็นอะไรไป?” ทุกคนที่ได้ยินต่างตกตะลึง
คุณตาโกรธและเสียใจอย่างหนักจนความดันโลหิตพุ่งสูงเกือบจะยืนไม่อยู่ ลูกสาวและลูกเขยรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยบอกว่าเด็กยังเล็กยังไม่เข้าใจเรื่องราว แต่คุณตาได้แต่โกรธและเศร้าเสียใจอย่างมาก จนความตื่นเต้นทางอารมณ์นั้นทำให้ล้มป่วยลงในที่สุด ความตั้งใจที่ดีที่ต้องการให้หลานมาเยี่ยมตาเพื่อคลายเหงาจึงจบลงด้วยผลลัพธ์ที่น่าเศร้า
- ถูกพวกค้ามนุษย์ลากตัวไป เด็กน้อยตกใจกลัว "ตะโกน 2 คำ" หนีได้อย่างปาฏิหาริย์!
- เห็นลายปริศนาบนมือลูก อวด "ครู" วาดให้ แม่ตงิดใจแจ้งตำรวจ จับแก๊งลักเด็กในคราบครู
รากฐานของการศึกษาที่ต้องปลูกฝัง 3 บทเรียนสำคัญ
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงปัญหาสำคัญในวิธีการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานในปัจจุบัน นอกจากอิทธิพลจากคำพูดและการกระทำของผู้ปกครองแล้ว โลกอินเทอร์เน็ตที่กว้างขวางยังทำให้เด็ก ๆ สามารถซึมซับแนวคิดที่ผิด ๆ ได้ง่าย ดังนั้น ในกระบวนการสอนลูก พ่อแม่จึงควรให้ความสำคัญกับ “3 บทเรียน” สำคัญดังต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องให้แก่ลูกหลาน
บทเรียนที่ 1: สอนให้ลูกรู้จัก “เคารพผู้อื่น”
เมื่อต้องออกนอกบ้าน สิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุดคือการได้พบกับ “เด็กที่ไม่มีมารยาท” เพราะเด็กเหล่านี้มักจะไม่สามารถพูดคุยด้วยเหตุผลได้ แต่ในทางกลับกัน เด็กที่สุภาพเรียบร้อยมักจะเป็นที่รักของทุกคน ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่าง “เด็กดี” และ “เด็กที่นิสัยไม่ดี” จึงอยู่ที่การรู้จักเคารพผู้อื่นนั่นเอง
ในสถานการณ์เดียวกัน เช่น การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง เด็กดีจะไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น แต่ “เด็กที่ไม่มีมารยาท” จะก่อกวนผู้อื่นโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้าง เมื่อมีคนเตือน พ่อแม่ของเด็กกลุ่มนี้มักจะไม่ห้ามปราม แต่กลับโต้เถียงและตำหนิผู้ที่ตักเตือนเสียเอง
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเบื้องหลัง “เด็กนิสัยไม่ดี” คือ “พ่อแม่ที่ขาดการอบรม” เมื่อลูกมีพฤติกรรมที่ไม่ให้เกียรติผู้อื่น ผู้ปกครองเหล่านี้มักจะไม่ห้ามปราม แต่กลับชื่นชมว่า “ลูกเก่ง ลูกเข้มแข็ง” แต่หากพ่อแม่ไม่สอนให้ลูกรู้จักเคารพผู้อื่น ผลร้ายที่ตามมาก็จะย้อนกลับมาที่ตัวพ่อแม่เองในไม่ช้า ตัวอย่างเช่น กรณีที่เคยเป็นข่าว เด็กคนหนึ่งอาละวาด ตะโกน และดึงเสื้อทำร้ายแม่กลางห้างสรรพสินค้า เพียงเพราะแม่ไม่ซื้อของที่เขาต้องการ ซึ่งพยานต่างเล่าว่าสายตาที่เด็กมองแม่นั้นราวกับมองศัตรู
บทเรียนที่ 2: สร้าง “ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy)”
หากเด็กไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ก็ยากที่จะหวังให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีความกตัญญูหรือรู้สึกขอบคุณพ่อแม่ได้ ความสามารถในการเคารพผู้อื่นนั้นมีพื้นฐานมาจากความเห็นอกเห็นใจเป็นสำคัญ เพราะเมื่อเด็กเข้าใจถึงความยากลำบากของพ่อแม่ พวกเขาจะรู้จักชื่นชมในบุญคุณที่ให้กำเนิด เมื่อเข้าใจถึงการทำงานที่ยากลำบาก เด็กก็จะเรียนรู้ที่จะเคารพผู้ใช้แรงงานทุกคน ตั้งแต่พนักงานทำความสะอาดไปจนถึงพนักงานบริการ
ในทางจิตวิทยา “ความเห็นอกเห็นใจ” คือความสามารถในการทำความเข้าใจและรู้สึกถึงสิ่งที่คนอื่นกำลังเผชิญ รวมถึงตอบสนองต่อสิ่งนั้นอย่างเหมาะสมด้วยความเคารพและความเมตตา เด็กที่มีความเห็นอกเห็นใจจะรู้จักรับฟัง คิดถึงผู้อื่น รักพ่อแม่ และปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมกับทุกคนรอบข้าง
บทเรียนที่ 3: สอนให้รู้จัก “ความกตัญญูรู้คุณ”
เมื่อสภาพความเป็นอยู่ทางวัตถุดีขึ้น ผู้ปกครองจำนวนมากมักตามใจลูก และมอบสิ่งที่ดีที่สุดทุกอย่างที่ลูกต้องการ ตัวอย่างเช่น อาหารที่อร่อยที่สุดบนโต๊ะต้องเป็นของเด็ก และเสื้อผ้าของเด็กมักจะเป็นของที่แพงที่สุดในบ้าน ด้วยวิธีการเช่นนี้ เด็กจึงมักจะมองความรักของพ่อแม่และญาติพี่น้องว่าเป็นสิ่งที่ได้มาโดยง่าย และกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในที่สุด
การขาดความกตัญญูรู้คุณอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือการที่เด็กขาดจิตสำนึกในการให้ เด็กเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่จำความดีของพ่อแม่และญาติเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลอีกด้วย
ในแง่ของจิตวิทยา ความกตัญญูรู้คุณไม่ใช่ลักษณะทางจิตวิทยาที่ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่เป็นนิสัยทางจิตใจที่ต้องสร้างขึ้นผ่านกระบวนการศึกษา ซึ่งต้องอาศัยการสั่งสมจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ พ่อแม่จึงไม่ควรตามใจลูกจนเกินไป ควรแสดงความรักและอารมณ์อย่างเหมาะสมกับเด็ก และเมื่อเด็กได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น ควรให้เด็กแสดงความขอบคุณออกมา เมื่อเวลาผ่านไป เด็กจะตระหนักได้ว่า ไม่มีความรักหรือความเมตตาใด ๆ ที่เป็นสิ่งที่ได้รับมาอย่างง่ายดาย
โดยสรุปแล้ว ในกระบวนการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลาน พ่อแม่ต้องทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะมีความเคารพ ความเห็นอกเห็นใจ และความกตัญญูรู้คุณ เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีค่านิยมที่ถูกต้องและมีคุณภาพได้อย่างแท้จริง
