ระวัง 2 กิจกรรมในห้องน้ำ เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
ระวัง 2 กิจกรรมในห้องน้ำ เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
การเข้าห้องน้ำอาจดูเป็นเรื่องปกติ แต่มีบางกิจกรรมที่แฝงอันตรายถึงขั้นเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ โดยเฉพาะ 2 พฤติกรรมหลักคือ การเบ่งถ่ายอุจจาระอย่างรุนแรง และการยืนปัสสาวะในบางสถานการณ์ ซึ่งส่งผลต่อความดันโลหิตโดยตรง
อันตรายจากการ "เบ่งอุจจาระ" (Valsalva Maneuver)
การ เบ่งอุจจาระ อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการท้องผูก อาจดูเป็นเรื่องปกติที่หลายคนทำ แต่พฤติกรรมนี้กลับซ่อนอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต นั่นคือความเสี่ยงต่อ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
ทางการแพทย์เรียกการเบ่งลักษณะนี้ว่า "Valsalva maneuver" คือการกลั้นหายใจและออกแรงเบ่ง ทำให้ความดันในช่องอกและช่องท้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การกระทำนี้ส่งผลให้ความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้นชั่วขณะ
สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอยู่แล้ว เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่าง ความดันโลหิตสูง หรือหลอดเลือดเปราะบาง การที่ความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้นกะทันหัน อาจทำให้หลอดเลือดในสมองที่เปราะบางนั้นทนแรงดันไม่ไหวและแตกออก (Hemorrhagic Stroke) หรืออาจกระตุ้นให้ลิ่มเลือดหลุดไปอุดตันได้
ความเสี่ยงจากการ "ยืนปัสสาวะ"
การยืนปัสสาวะ โดยเฉพาะการลุกขึ้นมาปัสสาวะกลางดึก อาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่า (Orthostatic Hypotension) ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอชั่วขณะ เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียน หรือหมดสติได้
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการยืนปัสสาวะและความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองพบว่า:
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการยืนปัสสาวะ: การยืนปัสสาวะสามารถทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ (orthostatic hypotension) ซึ่งเป็นการลดลงของความดันโลหิตเมื่อเปลี่ยนจากท่านั่งหรือท่านอนเป็นท่ายืน ภาวะนี้อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหน้ามืดหรือหมดสติ ซึ่งมีผลกระทบต่อการไหลเวียนเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองขาดเลือดชั่วขณะ (ischemic stroke) และอาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
การเบ่งขณะปัสสาวะ: การเบ่งในขณะยืนปัสสาวะเพิ่มความดันในช่องท้องและในกะโหลกศีรษะ ซึ่งสามารถทำให้หลอดเลือดในสมองแตกได้หรือส่งผลให้เกิดภาวะหลอดเลือดสมองขาดเลือด
ความเสี่ยงในผู้ที่มีโรคประจำตัว: ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงหรือหลอดเลือดสมองเปราะบางจะมีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเมื่อยืนปัสสาวะ เนื่องจากการปรับตัวของร่างกายในการรักษาความดันโลหิตอาจไม่ทัน
โดยสรุป การยืนปัสสาวะโดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำและโรคประจำตัวอื่นๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ เนื่องจากการลดลงของความดันโลหิตในระหว่างการยืนอาจทำให้เกิดการไหลเวียนเลือดไปสมองไม่เพียงพอ หรืออาจเกิดการแตกของหลอดเลือดสมอง
อีกภาวะที่พบบ่อยคือ Micturition Syncope หรืออาการวูบขณะปัสสาวะ เกิดจากการที่ร่างกายปรับความดันโลหิตไม่ทันหลังลุกจากที่นอนอุ่นๆ หรืออั้นปัสสาวะไว้นาน แม้ภาวะนี้จะไม่ใช่สโตรกโดยตรง แต่การล้มฟาดพื้นในห้องน้ำอาจทำให้ศีรษะบาดเจ็บรุนแรงได้เช่นกัน
.jpg)
ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
ความเสี่ยงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่จะอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัจจัยดังต่อไปนี้:
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง (โดยเฉพาะที่ควบคุมได้ไม่ดี)
- ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Aneurysm)
- ผู้สูงอายุ ซึ่งหลอดเลือดมีความเปราะบางตามวัย
- ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดอื่นๆ
วิธีป้องกันที่ต้นเหตุ: เลี่ยงการเบ่ง
หัวใจสำคัญที่สุดคือการป้องกัน "ภาวะท้องผูก" ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องออกแรงเบ่ง
- เพิ่มกากใย: เน้นรับประทานผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อให้อุจจาระนุ่ม
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: น้ำช่วยป้องกันอุจจาระแข็งตัว
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
- ไม่กลั้นอุจจาระ: เมื่อรู้สึกปวด ควรเข้าห้องน้ำทันที
- ปรึกษาแพทย์: หากมีอาการท้องผูกเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อยในห้องน้ำ โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงการเบ่งถ่าย และการระมัดระวังขณะลุกขึ้นปัสสาวะตอนกลางคืน สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและอุบัติเหตุร้ายแรงในห้องน้ำได้
